ค้นหาบล็อกนี้

Articles

ถาม : Articles คืืออะไร? แบ่งออกเป็นกีชนิด อะไรบ้าง?
ตอบ : Articles แปลว่า "คำนำหน้านาม" หมายความ่า คำนามทุกตัวในภาษาอังกฤษเวลาพูดหรือเขียนต้องใช้ Ariticles นำหน้าทั้งนั้น (ยกเว้นนามบางตัวหรือบางกรณีไม่ต้องใช้ Articles นำหน้ารายละเอียดจะได้อธิบายในตอนต่อไป) แบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือ :
      1. Indefinite Article ได้แก่ a, an เป็น Article ที่ใช้นำหน้านามแล้วทำให้นามตัวนั้นมีความหมายทั้ว ๆ ไป ไม่ชี้เฉพาะเจาะจง
      2. Definite Article ได้แก่ the เป็น Article ที่ใช้นำหน้านามแล้วทำให้นามตัวนั้นมีความหมายชี้เฉพาะเจาจง หรือบ่งชัดว่าเป็นสิ่งนั้นสิ่งนี้ทันที

หลักเกณฑ์การใช้ A, AN นำหน้านาม

ถาม : A, AN เมื่อนำมาพูดหรือเขียนมีหลัีกเกณฑ์การใช้อย่างไร ขอให้อธิบายมาอย่างละเอียดพร้อมให้ตัวอย่างด้วย?
ตอบ : A, An เมื่อนำมาพูดหรือเขียนมีหลักเกณฑ์การใช้ดังต่อไปนี้ คือ
      1) ให้ใช้ a นำหน้านามที่เป็นเอกพจน์, นับได้, ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ และนามนั้นต้องมีความหมายทั่วไปด้วย เช่น
      a table, a week, a boy, a country, a pen, a dog, a key, a teacher, a student, etc.
      e.g. I bought a pen yesterday.
            เมื่อวานนี้ฉันซื้อปากกาหนึ่งด้าม
            There was a student learning English in school.
            มีนักศึกษาคนหนึ่งกำลังเรียนภาษาอังกฤษอยู่ในโรงเรียน
(ใช้ a นำหน้า pen และ student เพราะเป็นการกล่าวถึงปากกาด้ามใดด้ามหนึ่งก็ได้ที่ซื้อมาเมื่อวานนี้ และนักศึกษาคนใดคนหนึ่งที่เรียนภาษาอังกฤษอยู่ในโรงเรียน จะเป็นลูกท่านหลานใครก็ได้)
      2) ให้ใช้ a นำหน้านามที่ขึ้นต้นด้วยสระแต่อ่านออกเสียนเป็นพยัญชนะ หรือนามที่ขึ้นต้นด้วย สระแต่มี Adjective ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะมาประกอบอยู่ข้างหน้า เช่น
      a university, a blue eye, a European
      a big umbrella, a uniform, เช่น
      Marisa has a big umbrella in her hand.
      มาริสามีร่มคันใหญ่อยู่ในมือของเขา
      David is a European living in Thailand.
      เดวิดเป็นชาวยุโรปที่มาอาศัยอยู่ในประเทศไทย
      3) ให้ใช้ an นำหน้านามที่ขึ้นต้นด้วยสระหรือนามที่ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะแต่อ่านออกเสียงเป็นสระ และนามดังกล่าวนี้ต้องเป็นเอกพจน์ นับได้ มีความหมายทั่วไปด้วย เช่น
      an orange, an elephant, an umbrella, an hour, an honorable guest, an car ,etc.
      e.g.  She ate an orange after her lunch.
             หล่อนทานส้มหนึ่งผลหลังจากทานอาหารกลางวัน
             Pramote is an honourable guest in the party.
             ปราโมทย์เป็นแขกผู้มีเกียรติในงานเลี้ยง
      4) ให้ใช้ an นำหน้านามเอกพจน์ นับได้ มีความหมายทั่วไป และขึ้นต้นด้วยพยันชนะ แต่มี Adjective ที่ขึ้นต้นด้วยสระมาประกอบอยุ่ข้างหน้า เช่น
      an important man, an interesting story, an able man, an impolite dress, etc.
      e.g. He is an important man to visit me.
            เขาเป็นคนที่สำคุญที่ได้มาเยี่ยมผม
            An interesting story was told by my grandfather.
            นิทานที่น่าสนใจปู่ฉันเป็นคนเล่าให้ฟัง
      5) ให้ใช้ a, an นำหน้านามที่เป็นตัวแทนของพวกหรือชนิดเดียวกันได้ เช่น
           A dog is a faithful animal. สุนัขเป้นสัตว์ที่กตัญญูกตเวที
           A cow has four legs. วัวมี 4 ขา
           A country needs leaders. ประเทศต้องการผู้นำ
           An old man always walks slowly. คนชรามักเดินช้า
(การที่ต้องใช้ a นำหน้า dog ในประโยคที่ยกมานี้ก็เพราว่า ขึ้นชื่อว่าสุนัขแล้วก็ย่อมเป็นสัตว์รู้จักบุญคุณผู้เลี้ยงจึงเป็นตัวแทนของชนิดเดียวว่าตัวอื่น ๆ ก็เป็นสัตว์รู้จักบุญคุณผู้เลี้ยงเล่นกัน จึงมีความหมายในทำนองว่า All dogs are faithful animals แม้ a cow, a country, และ An old man ก็มีคติเช่นดียวกันนี้)
      หมายเหตุ : รูปพหูพจน์ของนามคามความหมายนี้ไม่ต้องใช้ a, an ,the อะไรทั้งนั้นนำหน้าเช่น Dogs are faithful animal.
      6) ให้ใช้ a, an นำหน้านามีที่กล่าวถึงอาชีพหรือสัญชาติตลอดไป เช่น
           My father works in a hospital.  He is a doctor.
           คุณพ่อของฉันทำงานที่โรงพยาบาล เขาเป็นหมอ
           Somsri is an actress. You are a teacher.
           สมศรีเป็นนักแสดงละคร  ท่านเป็นครู
           I am a Thai. ฉันเป็นคนไทย John is an American. จอห์นเป็นคนอเมริกัน
(doctor, actress, Thai, American และ teacher บอกถึงอาชีพและสัญชาติตามลำดับ ฉะนั้น จึงใช้ a, an นำหน้าได้)
      7) ให้ใช้ a, an, นำหน้านามที่เป็นสำนวนเกียวกับการใช้นับจำนวน เช่น
          a dozen หนึ่งโหล                    half a dozen ครึ่งโหล
          a hundred หนึ่งร้อย                 a thousand หนึ่งพัน